ปัจจุบันการทำตา 2 ชั้นเป็นศัลยกรรมยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับดวงตาแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาชั้นตาไม่ชัด ตาดูเล็ก หรือชั้นตาไม่เท่ากันได้อีกด้วย แต่ก่อนที่ทุกคนจะตัดสินใจกรีดตา 2 ชั้นกันนั้น เราควรทำความเข้าใจกันก่อนว่าการกรีดตาสองชั้นนั้นมีเทคนิคอะไรบ้าง และแต่ละเทคนิคเหมาะกับใคร และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและตรงตามความต้องการมากที่สุดกัน
การทำตา 2 ชั้นในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธี สามารถแบ่งเป็นการศัลยกรรมที่นิยมทำได้ 2 เทคนิคซึ่งแต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
เทคนิคแผลเล็กเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะสร้างความสมดุลระหว่างผลลัพธ์และการฟื้นตัว แพทย์จะกรีดแผลขนาดเล็กประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร เพื่อจัดการกับไขมันและสร้างชั้นตาขึ้นมาใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาบางถึงปานกลาง และต้องการชั้นตาที่เป็นธรรมชาติ ข้อดีคือฟื้นตัวเร็ว แผลเล็ก และสามารถปรับแต่งชั้นตาได้พอสมควร
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยหรือมีหนังตาส่วนเกินมาก นอกจากการสร้างชั้นตาแล้ว แพทย์จะตัดหนังส่วนเกินออกด้วย พร้อมทั้งนำไขมันส่วนเกินออก หรือจัดเรียงไขมันบนเปลือกตาใหม่ ทำให้ดวงตาดูสดใส กระชับ และอ่อนเยาว์มากขึ้น ข้อดีคือแก้ไขปัญหาได้ครบถ้วนและตรงจุด
เทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหัวตาแคบหรือชั้นตาไม่ต่อเนื่อง โดยจะทำการผ่าตัดทั้งการสร้างชั้นตาและเปิดหัวตาในคราวเดียวกัน ทำให้ดวงตาดูเรียวยาว สดใส และมีมิติมากขึ้น ข้อดีคือแก้ไขปัญหาได้ครบถ้วน แต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์สูง
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเบ้าตาลึกร่วมกับต้องการกรีดตาสองชั้น โดยแพทย์จะย้ายไขมันจากส่วนอื่น หรือฉีดฟีลเลอร์ เพื่อมาเติมเต็มบริเวณเบ้าตา ควบคู่กับการสร้างชั้นตา ทำให้ดวงตาดูอิ่มเอิบ สดใส และเป็นธรรมชาติมากขึ้น ข้อดีคือได้ผลลัพธ์ที่สวยงามแก้ไขได้อยตรงจุด
การทำตา 2 ชั้นมีหลากหลายวิธีให้เลือก แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จัดเรียงไขมันเปลือกตา ซ่อนแผลใต้คิ้ว และ กำจัดถุงใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด