กะพริบตาบ่อยเกิดจากอะไร? อาการ สาเหตุ วิธีแก้ และโรคที่ควรรู้
icon  icon
กะพริบตาบ่อย

กะพริบตาบ่อยเกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนสุขภาพตาที่ไม่ควรมองข้าม

การกะพริบตาคือกลไกธรรมชาติเพื่อปกป้องและหล่อลื่นดวงตา แต่เมื่อไหร่ที่อาการตากระพริบบ่อยเกิดขึ้นจนรบกวนชีวิตประจำวัน อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างที่เราไม่ควรมองข้าม บทความนี้ จะพาไปสำรวจถึงต้นตอของอาการ พร้อมแนวทางการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อให้ดวงตาคู่สวยกลับมาสดใสและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง


สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการกะพริบตาบ่อย

อาการกะพริบตาถี่กว่าปกติสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่สิ่งกระตุ้นเล็กน้อยในชีวิตประจำวันไปจนถึงสุขภาพตา การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยมีดังต่อไปนี้


การระคายเคืองบริเวณดวงตา

สิ่งแปลกปลอมขนาดเล็ก เช่น ฝุ่น ควัน หรือแม้แต่ขนตาที่หลุดเข้าไปในตา เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่กระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองด้วยการกะพริบตาถี่ขึ้น เพื่อไล่สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกไป นอกจากนี้ การสัมผัสกับสารเคมีอย่างคลอรีนในสระว่ายน้ำ หรือการเกาและขยี้ตาแรง ๆ ก็สามารถสร้างความระคายเคือง ทำให้เกิดอาการกะพริบตาที่มากกว่าปกติได้เช่นกัน


การใช้สายตาที่หนักหน่วง

ในยุคดิจิทัลการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานกลายเป็นเรื่องปกติ พฤติกรรมนี้ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักและล้า อัตราการกะพริบตาจะลดลงโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ตาแห้งและระคายเคือง ร่างกายจึงพยายามชดเชยด้วยการสั่งให้กะพริบตาถี่ขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น การอ่านหนังสือในที่แสงน้อยก็ส่งผลกระทบในลักษณะเดียวกัน


สนใจปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญ
   

ภาวะตาแห้งเรื้อรัง

ภาวะตาแห้งเกิดจากการที่ดวงตาผลิตน้ำตาไม่เพียงพอหรือน้ำตามีคุณภาพไม่ดี ทำให้การหล่อลื่นผิวตาไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อผิวตาแห้งจะเกิดความรู้สึกไม่สบายตา แสบตา และฝืดเคือง ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการกะพริบตาบ่อยขึ้นเพื่อพยายามเกลี่ยน้ำตาที่มีอยู่น้อยนิดให้ทั่วถึงดวงตา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการตากระพริบบ่อย


ผลกระทบจากอาการภูมิแพ้

อาการภูมิแพ้ที่ตาเป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรือขนสัตว์ ส่งผลให้เกิดอาการถุงใต้ตาบวม คัน แดง และมีน้ำตาไหล การกะพริบตาบ่อย ๆ จึงเป็นกลไกที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาอาการคันและพยายามขจัดสารก่อภูมิแพ้ออกจากดวงตา


ความผิดปกติทางสายตา

ปัญหาสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องเพ่งและทำงานหนักกว่าปกติเพื่อพยายามโฟกัสภาพให้คมชัด ความพยายามนี้ก่อให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา และนำไปสู่การกะพริบตาที่ถี่ขึ้นเพื่อลดความเมื่อยล้า นอกจากนี้ ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือการทำงานของเปลือกตาผิดปกติก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งได้เช่นกัน


ปัญหาสุขภาพและโรคที่เกี่ยวข้อง

นอกเหนือจากสาเหตุทั่วไปที่กล่าวมา อาการกะพริบตาถี่ผิดปกติยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพหรือ โรคกะพริบตาบ่อยบางชนิดที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์ การสังเกตอาการร่วมอื่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะดังนี้

  • โรคเปลือกตากระตุก (Blepharospasm) เกิดจากการทำงานผิดปกติของสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้เปลือกตากระตุกและปิดเองโดยควบคุมไม่ได้
  • กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette's Syndrome) เป็นความผิดปกติทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ (Tics) ซึ่งการกะพริบตาบ่อย ๆ เป็นหนึ่งในอาการเริ่มต้นที่พบได้บ่อย
  • โรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น โรคพาร์กินสันหรือผลกระทบหลังจากเกิดภาวะหลอดเลือดในสมอง ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าและเปลือกตา


วิธีดูแลและบรรเทาอาการเบื้องต้น

วิธีบรรเทาอาการเบื้องต้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลดวงตาในเบื้องต้นสามารถช่วยลดความถี่ของอาการลงได้มาก การทำความเข้าใจวิธีแก้อาการกะพริบตาบ่อย ๆ ด้วยตนเองจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพดวงตาให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากแนวทางต่อไปนี้


เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา

การใช้น้ำตาเทียมเพื่อช่วยหล่อลื่นดวงตาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะตาแห้งหรือต้องทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดที่ไม่มีสารกันบูดเพื่อลดการระคายเคือง การดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน และการใช้เครื่องทำความชื้นในห้องที่อากาศแห้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ดวงตาจากภายในสู่ภายนอก


จัดการอาการภูมิแพ้ที่ตา

หากสงสัยว่าอาการเกิดจากภูมิแพ้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นให้เกิดอาการ การใช้ยาหยอดตาแก้แพ้หรือรับประทานยาแก้แพ้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรจะช่วยบรรเทาอาการคันและลดความถี่ในการกะพริบตาลงได้ การประคบเย็นรอบดวงตาก็สามารถช่วยลดอาการบวมและระคายเคืองได้เป็นอย่างดี


ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา

ควรพักสายตาเป็นระยะด้วยกฎ 20-20-20 คือทุก ๆ 20 นาที ให้มองไปที่วัตถุที่ไกลออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที พร้อมปรับความสว่างของหน้าจอให้พอดีและตั้งในระยะที่เหมาะสม การปรับพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงลดอาการตาแห้ง แต่ยังช่วยให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาผ่อนคลาย 


หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นภายนอก

การสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกไปในที่ที่มีลมแรงหรือแดดจ้า จะช่วยปกป้องดวงตาจากฝุ่นและรังสียูวีได้ หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีควันบุหรี่หรือมลภาวะสูง การดูแลผิวรอบดวงตายังช่วยลดการระคายเคืองได้ เช่นเดียวกับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวม ซึ่งการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลเช่นกัน


แก้ไขปัญหาสายตาให้ตรงจุด

หากมีปัญหาสายตาควรเข้ารับการตรวจวัดสายตาและสวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องเพื่อลดการทำงานหนักของดวงตา


สรุปบทความ

ตากระพริบบ่อยสัญญาณเตือนร่างกาย

อาการตากระพริบบ่อยแม้ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรละเลย การทำความเข้าใจสาเหตุตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างตาแห้งไปจนถึงโรคกะพริบตาบ่อยจะนำไปสู่การดูแลที่ถูกต้อง การปรับพฤติกรรมและการพบแพทย์เมื่อจำเป็น แต่สำหรับผู้ที่สนใจแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาตาด้านอื่น ๆ สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการแก้ตาสามชั้นแบบธรรมชาติ การทำตาสองชั้น ผ่าตัดหนังตาตก เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และตัดถุงใต้ตาหรือผ่าถุงใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : -