ลบรอยแผลเป็นจากการเย็บ รักษาอย่างไรดีให้ผิวเรียบเนียน
icon  icon
วิธีลบรอยแผลเป็นจากการเย็บ

แนะนำวิธีลบรอยแผลเป็นจากการเย็บให้จางลง ผิวกลับมาเรียบเนียน

การมีผิวเรียบเนียนหลังการทำตาสองชั้นหรือการทำศัลยกรรมต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่บางครั้งร่องรอยหลังการเย็บแผลอาจกลายเป็นความกังวลใจ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับประเภทของแผลเป็น แนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสม และวิธีลบรอยแผลเป็นจากการเย็บที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้แผลเป็นดูจางลงและผิวพรรณบริเวณนั้นกลับมาใกล้เคียงสภาพเดิมมากที่สุดกัน 

แผลเป็นมีกี่แบบ

ก่อนจะไปดูวิธีการรักษารอยแผลเป็น สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าแผลเป็นจากรอยเย็บหรือแผลเป็นประเภทอื่น ๆ นั้นมีลักษณะอย่างไรบ้าง เพราะแผลเป็นแต่ละชนิดก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกันออกไป การรู้จักประเภทของแผลเป็นจะช่วยให้เรารับมือและเลือกวิธีรักษาได้อย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผิวที่เรียบเนียนน่ามอง

แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)

แผลเป็นนูนเป็นรอยแผลที่มีลักษณะหนาและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ แต่ขอบเขตของแผลเป็นจะไม่ขยายเกินขอบเขตของแผลเดิม มักมีสีแดงหรือชมพูในช่วงแรก และอาจมีอาการคันร่วมด้วย แผลเป็นชนิดนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนในปริมาณที่มากเกินไปในระหว่างกระบวนการสมานแผล แต่โดยทั่วไปแล้วแผลเป็นนูนมักจะค่อย ๆ ยุบตัวลงและมีสีจางลงได้เองตามกาลเวลา แม้บางครั้งอาจต้องใช้เวลานาน

แผลคีลอยด์ (Keloid)

แผลคีลอยด์เป็นแผลเป็นที่มีลักษณะนูน แข็ง และมักขยายขนาดใหญ่เกินขอบเขตของแผลเดิมอย่างชัดเจน อาจมีสีแดงเข้ม ชมพู หรือสีคล้ำกว่าผิวโดยรอบ และมักมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย คีลอยด์เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังที่ผิดปกติ โดยมีการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปอย่างต่อเนื่อง แผลเป็นชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบได้บ่อยในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นคีลอยด์ หรือในบริเวณผิวหนังที่มีความตึง

แผลเป็นหลุม (Atrophic Scar)

แผลเป็นหลุมเป็นรอยแผลที่มีลักษณะยุบหรือบุ๋มลงไปใต้ระดับผิวหนังปกติ เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังถูกทำลายไปในระหว่างกระบวนการอักเสบหรือการสมานแผล ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ มักพบได้จากแผลสิวอักเสบ แผลอีสุกอีใส หรือแผลที่เกิดจากการบาดเจ็บลึกถึงชั้นหนังแท้ แผลเป็นหลุมอาจมีขนาดและความลึกแตกต่างกันไป

แผลจากอุบัติเหตุ (Accident scars)

แผลจากอุบัติเหตุเป็นรอยแผลเป็นจากการเย็บหรือไม่ได้เย็บก็ได้ ซึ่งมีลักษณะและความรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุ กลไกการบาดเจ็บ ความลึก และตำแหน่งของบาดแผล แผลเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งแผลเป็นนูน คีลอยด์ แผลเป็นหลุม หรือแผลเป็นที่มีการหดรั้ง การดูแลรักษาจึงต้องพิจารณาเป็นรายกรณี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสการเกิดแผลเป็นถาวรที่เห็นได้ชัด

แผลจากการผ่าตัด (Surgical wound)

แผลจากการผ่าตัดเป็นรอยแผลที่เกิดจากการกรีดผิวหนังเพื่อทำการรักษาทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัดแก้ตาหรือการทำศัลยกรรมอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะพยายามเย็บแผลให้มีความสวยงามและเกิดรอยแผลเป็นน้อยที่สุด แต่ปัจจัยอย่างเทคนิคการเย็บ การดูแลแผลหลังผ่าตัด และลักษณะผิวของแต่ละบุคคล ก็ส่งผลต่อลักษณะของแผลเป็นจากรอยเย็บที่จะเกิดขึ้นได้ การดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

วิธีลบรอยแผลเป็นจากการเย็บ

เมื่อเข้าใจประเภทของแผลเป็นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีลบรอยแผลเป็นจากการเย็บ ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ โดยแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมกับลักษณะของแผลเป็นและสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกทำตาจะช่วยให้เราเลือกวิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับปัญหาของเรา

ทายาลดรอยแผลเป็น

การใช้ยาทาเฉพาะที่เป็นวิธีที่เข้าถึงง่ายและเป็นที่นิยมในการดูแลรอยแผลเป็นระยะเริ่มต้น ยาทาเหล่านี้มักมีส่วนผสมของซิลิโคนเจล วิตามินอี สารสกัดจากหัวหอม หรือสารให้ความชุ่มชื้นอื่น ๆ ที่ช่วยให้แผลเป็นนุ่มลง ลดความนูน และทำให้สีของแผลเป็นจางลง ควรเริ่มทายาเมื่อแผลแห้งสนิทและไม่มีการอักเสบแล้ว และควรใช้อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี

สักทับรอยแผลเป็น

การสักทับรอยแผลเป็น หรือที่เรียกว่า Medical Tattooing หรือ Scar Camouflage เป็นเทคนิคการใช้สีทางการแพทย์สักลงไปบนผิวหนังบริเวณแผลเป็น เพื่อปรับสีของแผลเป็นให้ใกล้เคียงกับสีผิวโดยรอบ ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลงและกลมกลืนไปกับผิวมากขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีสีซีดจางหรือมีสีแตกต่างจากผิวปกติ และแผลเป็นนั้นต้องเรียบสนิทและไม่นูนแล้ว 

นวดแผลเป็น

สำหรับแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์การนวดเบา ๆ บริเวณแผลเป็นเป็นประจำสามารถช่วยลดความตึงของเนื้อเยื่อแผลเป็น เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นให้แผลเป็นนุ่มลงและยุบตัวได้ดีขึ้น ควรเริ่มนวดเมื่อแผลปิดสนิทและไม่มีอาการเจ็บแล้ว อาจใช้ร่วมกับครีมหรือน้ำมันที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นเพื่อลดแรงเสียดทานขณะนวด การนวดอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอจะช่วยให้รอยแผลเป็นจากรอยเย็บดูดีขึ้นได้ในระยะยาว

เลเซอร์ลบรอยแผล

เลเซอร์ลบรอยแผล

เทคโนโลยีเลเซอร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการลบรอยแผลเป็นจากการเย็บ โดยมีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถนำมาใช้รักษาได้ เช่น เลเซอร์ที่ช่วยลดรอยแดง ลดความนูนของแผลเป็น หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น การเลือกชนิดของเลเซอร์จะขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลเป็นและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ฉีดยารักษาแผลเป็น

การฉีดยาเข้าที่แผลเป็นโดยตรงเป็นวิธีที่นิยมใช้รักษากลุ่มแผลเป็นนูนและคีลอยด์ ยาที่ใช้ส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบและยับยั้งการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้แผลเป็นนุ่มลง ยุบตัว และมีสีจางลง อาจต้องทำการฉีดซ้ำหลายครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแผลเป็นและการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา

ลอกผิวด้วยกรดจากผลไม้

การลอกผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peels) เป็นการใช้สารเคมีที่มีความเป็นกรดอ่อน ๆ เช่น AHA หรือ BHA ทาลงบนผิวหนังเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป ช่วยเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม วิธีนี้สามารถช่วยลดเลือนรอยดำ รอยแดงจากแผลเป็นตื้น ๆ และทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนขึ้นได้ เหมาะสำหรับแผลเป็นที่ไม่ลึกมาก ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผ่าตัดแผลเป็นใหม่

ในกรณีที่แผลเป็นจากรอยเย็บมีขนาดใหญ่ หดรั้ง หรือมีลักษณะที่ไม่สวยงามอย่างมาก การผ่าตัดแก้ไขแผลเป็น (Scar Revision) อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เย็บแผลใหม่อย่างประณีตด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อให้เกิดรอยแผลเป็นใหม่ที่เล็กลงและดูดีขึ้น บางครั้งแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อแผลเป็นเดิมออกไป แล้วอาจใช้ร่วมกับการย้ายผิวหนังหรือเนื้อเยื่อจากส่วนอื่นมาช่วยในการปิดแผล

ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มรอยแผลเป็น

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นวิธีที่ใช้สำหรับเติมเต็มแผลเป็นหลุม (Atrophic Scar) โดยสารฟิลเลอร์ที่นิยมใช้คือกรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งจะช่วยเข้าไปเติมเต็มในส่วนที่ยุบหรือบุ๋มลงไป ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ถาวร โดยทั่วไปจะคงอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการตอบสนองของแต่ละบุคคล จากนั้นอาจต้องมาฉีดซ้ำ

สรุปบทความ

การดูแลและลบรอยแผลทำได้หลายวิธี

การดูแลและลบรอยแผลเป็นจากการเย็บนั้นมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การทายา การนวด ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์ การฉีดยา หรือแม้กระทั่งการผ่าตัดแก้ไข การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับชนิด ลักษณะของแผลเป็น และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ที่ทำศัลยกรรมตาและต้องการการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : -