ปัญหาถุงใต้ตาบวมเป็นความกังวลของหลายคน เพราะทำให้ดูอ่อนเพลีย แก่กว่าวัย แม้จะพยายามหาวิธีแก้ถุงใต้ตาบวม และลองวิธีแก้ถุงใต้ตาหลายวิธีแต่ก็ยังไม่หาย โดยถุงใต้ตาใหญ่นั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางคนสงสัยว่าถุงใต้ตาบวมเกิดจากอะไร และใต้ตาบวมแก้ยังไงดี วันนี้เรามีคำตอบและวิธีการแก้ไขที่ได้ผลมาฝากกัน
ถุงใต้ตา (Eye bags) เป็นภาวะที่เกิดจากการบวมของถุงไขมันบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว รอบดวงตาของเราจะมีถุงไขมันทั้งหมด 5 ถุง แบ่งเป็นเปลือกตาบน 2 ถุง และใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง ปัญหาถุงใต้ตาบวมมักเกิดที่ถุงไขมันกลาง (Middle Fat) และบางส่วนของถุงไขมันด้านใน (Inner Fat) ทำให้เห็นเป็นร่องและความคล้ำใต้ตา ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และแก่กว่าวัย บางคนอาจมีอาการบวมมากจนรู้สึกหนักตา
การเกิดถุงใต้ตาบวมมีหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยภายในที่ควบคุมไม่ได้ และปัจจัยภายนอกที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำความเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เลือกวิธีการแก้ไขได้ตรงจุด
กรรมพันธุ์เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดถุงใต้ตา เมื่อระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้มีการสะสมของไขมันและของเหลวบริเวณใต้ตามากเกินไป จนเกิดเป็นถุงใต้ตาที่บวมป่องและมีอาการคั่งน้ำ คนที่มีพันธุกรรมแบบนี้มักพบปัญหาถุงใต้ตาตั้งแต่อายุยังน้อย และอาจรุนแรงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อย นอกจากนี้ กระดูกบริเวณใต้ตายังมีการยุบตัวลงตามวัย ส่งผลให้เนื้อเยื่อที่พยุงถุงไขมันใต้ตาหย่อนตาม กลายเป็นถุงใต้ตาที่ชัดเจนและมีร่องลึก ยิ่งอายุมากขึ้น ปัญหานี้ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้มักมีปัญหาถุงใต้ตาบวม เนื่องจากเส้นเลือดดำรอบดวงตาขยายตัว ประกอบกับอาการคันและระคายเคืองที่ทำให้ต้องขยี้ตาบ่อยๆ ส่งผลให้ผิวอักเสบและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ถุงใต้ตาดูคล้ำและบวมมากขึ้น บางคนอาจมีอาการบวมรุนแรงในช่วงที่มีอาการภูมิแพ้กำเริบ
พฤติกรรมหลายอย่างส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ เช่น การนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตาหนักจากการจ้องหน้าจอนานๆ การตากแดดบ่อย ดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานอาหารที่มีโซเดียมสูง นอกจากนี้ การไหลเวียนเลือดที่ไม่ดียังทำให้เกิดการคั่งของของเหลว ส่งผลให้บริเวณใต้ตาบวมมากขึ้น
การแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวมแบบธรรมชาติสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มจากการปรับพฤติกรรมการนอน พยายามนอนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารเค็มและแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา การประคบเย็นด้วยช้อนหรือแผ่นเจลเย็นจะช่วยลดอาการบวมได้ นอกจากนี้ การนวดเบา ๆ รอบดวงตาจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือคาเฟอีนก็ช่วยลดความคล้ำและอาการบวมได้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตารุนแรงหรือวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล มีทางเลือกในการรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์หลายวิธี
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่นิยมในการแก้ไขถุงใต้ตาใหญ่ โดยใช้สารไฮยาลูโรนิกแอซิดซึ่งเป็นสารที่มีในร่างกายตามธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา เพิ่มความชุ่มชื้น และปรับให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
เป็นวิธีที่ใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือต้นขา มาเติมเต็มบริเวณใต้ตา นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยปรับโครงสร้างผิวใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น ข้อดีคือใช้ไขมันของตัวเอง จึงปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
เทคนิคทันสมัยที่แพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ ด้านในเปลือกตาเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออก ข้อดีคือไม่มีแผลภายนอก ไม่ต้องตัดไหมออก ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว แม้อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อยในช่วงแรก
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตารุนแรง และมีผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อย แพทย์จะซ่อนแผลไว้ที่ขอบขนตาล่าง สามารถจัดการกับไขมันใต้ตา ร่องน้ำตา และยกกระชับผิวได้ในคราวเดียว ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่หลังจากผ่าตัด 7วันต้องมาตัดไหมออก และทายาลดรอยแผลเป็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แผลผ่าตัดจางลง
ถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับคนที่ต้องการหาคลินิคทำตาที่ได้มาตรฐาน สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ