ตาพร่ามัวเกิดจากสาเหตุอะไร ตามัวข้างเดียววิธีแก้มีอะไรบ้าง
icon  icon
ตาพร่ามัวเกิดจากอะไร

ตาพร่ามัวเกิดจากอะไร ตามัวข้างเดียววิธีแก้ที่ได้ผลจริงมีอะไรบ้าง

การมองเห็นพร่ามัวหรือตามัวข้างเดียวเป็นอาการที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน เนื่องจากบางคนมองเห็นภาพไม่ชัด มีอาการตาพร่า หรือมีจุดบอดในการมองเห็น ทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ต้องกังวลใจไป ปัจจุบันตามัวข้างเดียววิธีแก้มีหลากหลายวิธี วันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการรักษาที่เหมาะสมกัน

รู้จักตาพร่ามัว ก่อนไปดูตามัวข้างเดียววิธีแก้มีอะไรบ้าง

ตาพร่ามัวเป็นอาการที่การมองเห็นไม่ชัดเจน ภาพที่เห็นอาจเบลอ มัว หรือมีเงาซ้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง บางคนอาจรู้สึกว่ามีม่านบาง ๆ มาบดบังการมองเห็น หรือมีจุดบอดในลานสายตา อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันทีหรือค่อย ๆ เป็นมากขึ้น ในกรณีที่เป็นตามัวข้างเดียววิธีแก้จะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ

ตาพร่ามัวเกิดจากสาเหตุอะไร

อาการตาพร่ามัวเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยที่สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง ไปจนถึงโรคทางตาที่ต้องได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์ การรู้สาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมมากขึ้น 

ตาแห้ง

ภาวะตาแห้งเป็นสาเหตุพื้นฐานที่พบได้บ่อยของอาการตาพร่ามัว เกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำตาไม่เพียงพอหรือน้ำตามีคุณภาพไม่ดี ทำให้ผิวกระจกตาขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในคนที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน อยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา หรือผู้ที่สูงอายุ นอกจากอาการตาพร่ามัวแล้ว ยังอาจมีอาการแสบตา ระคายเคือง รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา และตาล้าง่าย

สายตาผิดปกติ

ความผิดปกติของสายตาเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว จึงต้องเริ่มจากการตรวจวัดสายตา ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการหักเหของแสงที่ผ่านเข้ามาในดวงตา ทำให้ภาพที่เห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในระยะการมองที่แตกต่างกัน เช่น สายตาสั้นจะมองเห็นระยะไกลไม่ชัด ในขณะที่สายตายาวจะมีปัญหาในการมองระยะใกล้ หากไม่ได้รับการแก้ไขด้วยแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดอาการปวดตา ปวดศีรษะ และตาล้าได้

ภาวะต้อ

ต้อเป็นสาเหตุสำคัญของอาการตาพร่ามัวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แบ่งเป็นต้อกระจกและต้อหิน ต้อกระจกเกิดจากเลนส์แก้วตาขุ่นมัว ทำให้แสงผ่านเข้าตาได้ไม่ดี มักมีอาการค่อยเป็นค่อยไป มองเห็นภาพซ้อน สีไม่สดใส และแสงจ้าง่าย ส่วนต้อหินเกิดจากความดันในลูกตาสูงผิดปกติ ทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย มักมีอาการปวดตา ปวดศีรษะ มองเห็นรุ้งสีรอบดวงไฟ และลานสายตาแคบลง ซึ่งหากเป็นตามัวข้างเดียววิธีแก้ในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์โดยเร็ว

โรคเยื่อบุตาอักเสบ

เยื่อบุตาอักเสบเป็นภาวะที่เยื่อบุตาเกิดการอักเสบ ทำให้ตาแดง มีขี้ตามาก คันตา และอาจมีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย สาเหตุอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย การแพ้ หรือการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน หรือสารเคมี การอักเสบทำให้เกิดการบวมของเยื่อบุตาและมีการหลั่งน้ำตามากผิดปกติ ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในตอนเช้าหรือหลังตื่นนอน 

โรคเส้นประสาทตาอักเสบ

เส้นประสาทตาอักเสบเป็นภาวะที่ร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน มักมีอาการตามัวเฉียบพลันในตาข้างใดข้างหนึ่ง ร่วมกับอาการปวดตาโดยเฉพาะเวลาขยับลูกตา อาจมีอาการสูญเสียการมองเห็นสีและการมองเห็นความเข้มของแสง บางรายอาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนขาร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นอาการของโรคทางระบบประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 

โรคอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตา

อาการตาพร่ามัวอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคทางระบบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ดี อาจทำให้เกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อมและเกิดอาการตามัวได้ ส่วนความดันโลหิตสูงอาจทำให้หลอดเลือดในตาผิดปกติ ในกรณีของโรคหลอดเลือดสมอง อาจมีอาการตามัวเฉียบพลันร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด

การใส่คอนแทคเลนส์

การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกวิธีหรือใส่ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวได้ โดยเฉพาะเมื่อใส่เลนส์ที่ไม่เหมาะสมกับสายตา ใช้เลนส์หมดอายุ หรือทำความสะอาดไม่ถูกวิธี นอกจากนี้ การนอนหลับโดยลืมถอดเลนส์ หรือใส่เลนส์ขณะว่ายน้ำ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและมีอาการตามัวได้ 

อุบัติเหตุที่ดวงตา

การได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา ไม่ว่าจะเป็นการถูกกระแทก โดนสารเคมีกระเด็นเข้าตา หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างต่าง ๆ ของดวงตา เช่น กระจกตาถลอก เลนส์ตาเคลื่อน หรือจอประสาทตาฉีกขาด ทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวเฉียบพลัน ร่วมกับอาการปวด แสบ ระคายเคือง หรือมีเลือดออกในตา

วิธีรักษาอาการสายตามัว

วิธีรักษาอาการสายตามัว

วิธีการรักษาอาการตาพร่ามัวมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ บางกรณีสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะบางโรคอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาว

พักสายตา (ใช้หลักการ 20-20-20)

การพักสายตาเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญในการดูแลสุขภาพตา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน หลักการ 20-20-20 คือ ทุก ๆ 20 นาที ให้มองไกลออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที วิธีนี้จะช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา และป้องกันอาการตาพร่ามัว นอกจากนี้ ควรจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น ปรับความสว่างของหน้าจอให้พอดี จัดระยะห่างระหว่างตากับหน้าจอประมาณ 50-70 เซนติเมตร และปรับตำแหน่งหน้าจอให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย

อาหารบำรุงตา

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพตาเป็นวิธีแก้ที่ควรทำควบคู่กับการรักษาวิธีอื่น ๆ โดยควรเลือกอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ลูทีน ซีแซนทีน และโอเมก้า-3 เช่น ผักใบเขียวเข้ม แครอท ฟักทอง ปลาทะเล ไข่แดง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำตาได้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

ใช้น้ำตาเทียม

น้ำตาเทียมเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการตาพร่ามัวที่เกิดจากภาวะตาแห้งได้อย่างดี โดยน้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวกระจกตา ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น ควรเลือกน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสียหรือมีสารกันเสียน้อยที่สุด และหยอดตามคำแนะนำของแพทย์หรือฉลากผลิตภัณฑ์ สำหรับคนที่ใช้คอนแทคเลนส์ ควรเลือกน้ำตาเทียมที่สามารถใช้ร่วมกับคอนแทคเลนส์ได้ หรือหยอดก่อนใส่และหลังถอดเลนส์

สวมแว่นกันแดดเสมอเมื่อออกแดด

การป้องกันดวงตาจากรังสี UV เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพตาและป้องกันอาการตาพร่ามัว ควรสวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพและสามารถป้องกันรังสี UV ได้ทั้ง UVA และ UVB เมื่อต้องออกแดด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ที่มีแสงแดดจัด นอกจากนี้ ควรสวมหมวกปีกกว้างเพื่อช่วยบังแสงแดด และหลีกเลี่ยงการมองแสงจ้าโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและระคายเคืองตาได้

บริหารกล้ามเนื้อบริเวณดวงตา

การบริหารกล้ามเนื้อตาเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ตามัวที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อรอบดวงตา เริ่มจากการกะพริบตาช้า ๆ 10 ครั้ง การมองซ้าย-ขวา บน-ล่าง เป็นจังหวะ การเพ่งมองวัตถุใกล้-ไกลสลับกัน และการนวดเบา ๆ รอบดวงตา ควรทำวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดอาการล้าของกล้ามเนื้อตามากเกินไป และหากรู้สึกไม่สบายตาควรหยุดทำทันที

การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการตาพร่ามัว

การผ่าตัดเป็นวิธีแก้ตามัวข้างเดียวที่เหมาะสำหรับอาการตาพร่ามัวที่เกิดจากโรคบางชนิด เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาผิดปกติ ซึ่งการเลือกวิธีผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการและการวินิจฉัยของจักษุแพทย์ เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาในผู้ที่เป็นต้อกระจก การผ่าตัดเลเซอร์เพื่อแก้ไขสายตาผิดปกติ หรือการผ่าตัดเพื่อลดความดันในลูกตาในผู้ที่เป็นต้อหิน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อบ่งชี้และข้อควรระวังที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงก็เป็นวิธีที่สามารถช่วยแก้อาการตาพร่ามัวจากหนังตาหย่อนได้เช่นกัน

สรุปบทความ

วิธีแก้อาการตาพร่ามัวทำได้จากการดูแลตัวเองเบื้องต้นไปจนถึงการผ่าตัด

ตามัวข้างเดียววิธีแก้มีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้นไปจนถึงการผ่าตัด เมื่อมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบจักษุแพทย์ที่คลินิกทำตาเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม แต่สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับตาอื่น ๆ สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : -