แผลเป็นคีลอยด์ คืออะไร เกิดจาสาเหตุอะไร รักษาอย่างไรให้หายขาด
icon  icon
แผลคีลอยด์ คืออะไร เกิดจากอะไร แผลคีลอยด์รักษายังไงได้บ้าง

แผลคีลอยด์ คืออะไร เกิดจากอะไร แผลคีลอยด์รักษายังไงได้บ้าง

การผ่าตัดแก้หนังตาตกและเปลี่ยนตาชั้นเดียวเป็นตาสองชั้น มีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นขึ้นได้ตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่สำหรับแผลคีลอยด์ที่มีลักษณะนูน แข็ง และขยายใหญ่กว่าขอบแผลเดิม บางครั้งอาจมีสีแดงหรือคล้ำกว่าผิวปกติ คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งถ้าไม่อยากเป็นแผลเป็นควรดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างไร และหากเป็นแผลคีลอยด์รักษายังไงได้บ้างไปดูกัน


แผลคีลอยด์ คืออะไร  

แผลคีลอยด์ (Keloid) คือ ความผิดปกติของกระบวนการรักษาของแผล โดยจะมีลักษณะนูนใหญ่ ล้ำขอบแผลเดิม บางคนอาจมีลักษณะแข็ง เจ็บ รู้สึกผิวตึงรั้งร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถยุบได้เอง มักต้องได้รับการรักษาร่วมด้วย 


แผลคีลอยด์แตกต่างจากแผลปกติอย่างไร

แผลเป็นทั่วไป (Hypertrophic scar) คือ แผลเป็นที่พบได้ทั่วไปจากกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติของร่างกาย มีลักษณะเป็นแผลนูน มีสีแดงหรือคล้ำ ในบางเคสเมื่อเป็นแผลเป็นลักษณะนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะสามารถหายได้เอง 


สาเหตุของการเกิดแผลคีลอยด์

แผลคีลอยด์เกิดจากการที่ร่างกายมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมามากเกินไป ในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนัง ทำให้เนื้อเยื่อของแผลเป็นที่เกิดขึ้นเติบโตจนเกินขอบเขตของแผลเดิมและขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าแผลจะหายดีแล้วก็ตาม ซึ่งพบว่าปัจจัยเสี่ยงมักเกิดในผู้ที่มีผิวสีเข้ม เช่น ชาวเอเชียและแอฟริกัน รวมถึงผู้ที่มีประวัติทางพันธุกรรมในครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่าฮอร์โมนมีผลต่อการเกิดแผลคีลอยด์ โดยหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ในขณะที่สตรีวัยทองมีโอกาสเกิดแผลคีลอยด์น้อยลง


แผลคีลอยด์อันตรายไหม

แผลคีลอยด์หรือแผลเป็นไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ แม้จะมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่มากเกินปกติ แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แผลเป็นที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ เนื่องจากความไม่สวยงามของรอยแผลที่นูนขึ้น ทำให้หลายคนต้องการหาวิธีรักษาและป้องกันไม่ให้แผลคีลอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้น


แผลผ่าตัดตาสองชั้นหายภายในกี่วัน


โดยทั่วไปแล้วแผลผ่าตัดจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังผ่าตัดไปแล้วประมาณ 6-12 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะตำแหน่งของการผ่าตัด ความยาวของแผลผ่าตัด เทคนิคการเย็บแผล ความบอบช้ำของผิวหลังผ่าตัด ลักษณะผิว หรือแม้กระทั่งการดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดด้วยเช่นกัน 


ถ้าไม่อยากเป็นแผลเป็น ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอะไรบ้าง 

หลายคนอาจคิดว่าแผลหายเองได้โดยไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ แต่จริง ๆ แล้ว พฤติกรรมบางอย่างอาจทำให้แผลเป็นเด่นชัดขึ้น หรือกลายเป็นแผลคีลอยด์ได้ หากไม่อยากให้รอยแผลเป็นอยู่กับเราไปนาน ควรรู้ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องหลีกเลี่ยง เพื่อช่วยให้แผลเรียบเนียนและจางเร็วขึ้น


1. ห้ามให้แผลโดนน้ำหลังผ่าตัด

หลังผ่าตัด ห้ามแผลโดนน้ำโดยตรงเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อนั้นอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นมาใหม่ได้ โดยการทำความสะอาด ควรใช้น้ำเกลือชุบสำลี เช็ดทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดเบา ๆ และซับให้แห้ง 


2. งดทานของแสลง

ความหมายของอาหารแสลง คืออาหารที่ควรงดหลังผ่าตัดตามที่คุณหมอระบุเอาไว้ อาหารแสลง เช่น อาหารทะเล ของหมักดอง ปลาร้า เพราะอาหารแสลงจะทำให้แผลหายช้า และสำหรับกรณีที่ทำศัลยกรรม อาหารแสลงอาจทำให้แผลนั้นอักเสบและทิ้งรอยที่เราไม่อยากให้เกิดเอาไว้


3. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 

งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ควรงดหลังจากการผ่าตัด อย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ทำให้แผลหายช้าและเสี่ยงต่อการทำให้แผลอักเสบได้


4. หลีกเลี่ยงให้แผลสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง 

อาจเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าแสงแดดนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดรอยดำเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะกับบริเวณแผลเป็นใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นหากจำเป็นต้องออกที่แจ้งแล้ว แนะนำให้สวมใส่แว่นกันแดด หรือกางร่มด้วย เพื่อไม่ให้แสงแดดโดนแผลเป็นโดยตรง 


แผลคีลอยด์ รักษายังไงได้บ้าง

  1. ทายารักษารอย หลังตัดไหมแล้ว 3 วัน แนะนำให้คนไข้เริ่มทายาลดรอยแผลเป็นอย่างสม่ำเสมอ แผลเป็นจะค่อย ๆ จางลงและเรียบเนียนไปกับผิวภายใน4-6 เดือน
  2. กรณีเกิดเป็นแผลเป็นคีลอยด์ ซึ่งมักจะพบในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด หากรู้สึกว่าแผลเป็นมีลักษณะที่นูน แข็ง และตึงรั้งมาก การนวดคลึงบริเวณแผลอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการทายาลดรอยแผลเป็นจะช่วยให้แผลเป็นนุ่มขึ้นและลดการตึงรั้งได้ แต่จะใช้ระยะเวลา 4-6 เดือน จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ 
  3. หากนวดแล้วไม่ดีขึ้นหรือต้องการให้แผลยุบไว สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดยารักษาคีรอยด์ เพื่อให้แผลนุ่มและยุบตัวได้ไวขึ้นได้ แต่อาจต้องฉีดหลายครั้งแผลถึงจะเรียบสนิท ทั้งนี้ การฉีดยาเพื่อลดแผลคีลอยด์ควรให้แพทย์เป็นผู้ฉีดและประเมิน เนื่องจากหากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป หรือ แผลเป็นไม่ได้มีลักษณะที่แข็งมาก การฉีดยาอาจทำให้ผิวยุบตัวได้ 
  4. ลดรอยแผลเป็นด้วยการทำเลเซอร์ เลเซอร์จะช่วยให้ผิวด้านบนเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้อาจต้องทำหลายครั้งกว่ารอยแผลเป็นจะเรียบเนียน และการเลเซอร์นั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง


สรุปบทความ



แผลคีลอยด์เป็นแผลเป็นนูนที่เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป แม้จะไม่เป็นอันตรายแต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจได้ การดูแลแผลให้ถูกต้องและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้แผลแย่ลง จะช่วยให้แผลจางลงและไม่เกิดแผลคีลอยด์ สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกทำตา ที่มีมาตรฐาน สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : Dr.Sky Burapadecha