เบ้าตาลึกมีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรให้ดวงตากลับมาสดใส

ปัญหาเบ้าตาลึกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งปัญหานี้นี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ แม้จะพยายามแต่งหน้ากลบเท่าไหร่ก็ยังไม่สามารถช่วยให้ดูดีขึ้นได้ เมื่อไม่แต่งหน้าเบ้าตายิ่งดูลึก ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส วันนี้ Sky Clinic มีความรู้เกี่ยวกับสาเหตุของเบ้าตาลึก พร้อมทั้งวิธีแก้ไขให้ดวงตาของคุณกลับมาดูสดใสยิ่งกว่าเดิม

เบ้าตาลึก คืออะไร 

เบ้าตาลึก คือลักษณะที่มีร่องลึกอยู่เหนือเปลือกตา ซึ่งสามารถเห็นชั้นตาเป็นหลายชั้น หรือมีลักษณะคล้ายกับเบ้าตาของชาวตะวันตก แต่เมื่อพบในคนเอเชียมักจะทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพอย่างมาก การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องได้รับการประเมินจากจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สาเหตุของการเกิดเบ้าตาลึก 

สาเหตุของการเกิดเบ้าตาลึก มีดังนี้ 

กรรมพันธุ์

เบ้าตาลึกสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด เนื่องจากลักษณะทางกายภาพหรือพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยสามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่นเลย 

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

พฤติกรรมการนอนดึกส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพและไขมันใต้ตาลดลงเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ การขยี้ตาบ่อย ๆ ก็ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพ เกิดรอยพับและริ้วรอย รวมถึงกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินบริเวณรอบดวงตาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด มลภาวะ การเจ็บป่วยหรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วก็สามารถทำให้เกิดเบ้าตาลึกได้เช่นกัน

ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเบ้าตาลึก เนื่องจากเปลือกตาไม่สามารถเปิดได้เต็มที่ ทำให้เกิดร่องลึกเหนือเปลือกตา นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการที่ไขมันใต้เปลือกตาที่หายไป ส่งผลให้เห็นเบ้าตาลึกชัดเจนยิ่งขึ้น หากคุณมีเบ้าตาลึกที่เกิดมาจากสาเหตุนี้อาจต้องพิจารณาการรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากการดูแลตัวเองทั่วไปอาจไม่เพียงพอ

ภูมิแพ้

ภูมิแพ้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเบ้าตาลึก เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี ทำให้เส้นเลือดฝอยไปคั่งที่โพรงจมูก ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ตาไม่ดี เกิดเป็นรอยคล้ำและทำให้เบ้าตาดูลึกมากขึ้น

ทำศัลยกรรมตามาก่อน 

การทำศัลยกรรมตาสองชั้นที่ไม่เหมาะสมก็เป็นสาเหตุหนึ่งของเบ้าตาลึกเช่นกัน ได้แก่ การทำตาสองชั้นที่สูงเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติหรือการเอาไขมันใต้ชั้นตาออกมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาตาโหล เบ้าตาลึกได้

อายุที่เพิ่มมากขึ้น 

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะการยุบของมวลกระดูกและการฝ่อตัวของไขมัน ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาและเห็นขอบเบ้าตาชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่อ่อนเยาว์ นอกจากนี้ ไขมันใต้ผิวหนังที่ค่อย ๆ ลดลงตามวัยก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เบ้าตาดูลึกมากขึ้นอีกด้วย 

ลักษณะของเบ้าตาลึก มีอะไรได้บ้าง 

• เห็นกระดูกเบ้าตาใต้คิ้วเป็นขอบชัดเจน
• มีชั้นตาหลายชั้นที่ลึกเข้าไปในเบ้าตา หรือมีชั้นเดียวที่ลึกมาก
• ดวงตาดูเศร้า หรือเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
• บริเวณเหนือชั้นตามีร่องลึกที่เปลือกตา
• ใบหน้าดูดุ แข็งทื่อ เนื่องจากเห็นขอบกระดูกเบ้าตาชัดเจน
• ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ดวงตาไม่สดใส ดูอิดโรย โทรม
• ตาปรือ ลืมตาไม่สุด เนื่องมาจากการมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย
• ชั้นตาดูหนา สูง ไม่เป็นธรรมชาติหรือมีหลายชั้นทำให้ชั้นตาดูลึกขึ้นอย่างชัดเจน 

เบ้าตาลึกอันตรายไหม

แม้ว่าเบ้าตาลึกจะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพอย่างมาก เพราะทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าโดยรวมดูหมองคล้ำ ไม่สดใสและอาจส่งผลต่อโหงวเฮ้ง ในทางกลับกัน หากมีดวงตาที่สดใสก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้า ส่งผลดีต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานอีกด้วย 

ตาโหล เบ้าตาลึก มีวิธีแก้ไขได้อย่างไรบ้าง 

ปัญหาเบ้าตาลึกสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของปัญหา ซึ่งมีทั้งวิธีการรักษาทางการแพทย์และการดูแลตัวเอง ดังนี้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม โดยใช้สารกรดไฮยาลูรอนิคฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณร่องน้ำตาที่ลึก เพื่อเติมเต็มให้ผิวหนังเต็มขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาจากกรรมพันธุ์หรืออายุที่มากขึ้น รวมถึงผู้ที่พักผ่อนน้อย การรักษาด้วยวิธีนี้ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและไม่มีแผล อาจมีเพียงรอยช้ำและอาการบวมเล็กน้อยเท่านั้น สามารถเห็นผลได้ภายใน 2 - 4 สัปดาห์หลังการฉีด แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 - 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ฉีดให้ 

ทาครีมบำรุง

การใช้ครีมบำรุงใต้ตาที่มีส่วนผสมของวิตามิน C, เรตินอล, กรดโคจิก, สารสกัดชะเอมเทศ, อาร์บูติน, ไฮโดรควิโนนหรือกรดผลไม้ สามารถช่วยปรับสภาพผิวใต้ตาให้เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเบ้าตาลึกและริ้วรอยใต้ตาเพียงเล็กน้อย แต่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการบำรุง อาจต้องใช้เวลา 1 - 3 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล

พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวใต้ตา ควรนอนให้ได้ 7 - 8 ชั่วโมงต่อวัน การพักผ่อนอย่างเต็มที่ติดต่อกัน 3 - 7 วัน จะช่วยให้ดวงตากลับมาสดใสขึ้น นอกจากนี้ การพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ปรับสมดุลสารเคมีต่าง ๆ และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย 

ศัลยกรรมตาสองชั้น 

การทำตา 2 ชั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึกจำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษและควรทำกับจักษุแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตาโดยเฉพาะ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยแพทย์จะทำการเย็บกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้นและตัดหนังตาที่หย่อนคล้อย บางกรณีอาจมีการเติมไขมันร่วมด้วย ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดในเดือนที่ 4 ขึ้นไป  เนื่องจากชั้นตาเริ่มเข้าที่ ดวงตาจะดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและได้ผลถาวร แต่อาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ควรต้องระวังเรื่องการเกิดแผลคีลอยด์หลังจากทำศัลยกรรมได้ หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี

แก้ไขปัญหาเบ้าตาลึกที่ Sky Clinic 

Sky Clinic ให้บริการแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึกโดย จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์สูง พร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เรามุ่งเน้นในการดูแลและให้คำปรึกษาเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด

สรุป 

เบ้าตาลึกเป็นปัญหาที่สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากกรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โรคภูมิแพ้ การทำศัลยกรรมที่ไม่เหมาะสมและอายุที่เพิ่มขึ้น แม้จะไม่อันตรายต่อสุขภาพโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ การแก้ไขปัญหานี้มีหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ การใช้ครีมบำรุงไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์ เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือการทำศัลยกรรม ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

Sky Clinic เราดำเนินการโดยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา  แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จัดเรียงไขมันเปลือกตา ซ่อนแผลใต้คิ้ว และ กำจัดถุงใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด สามารถติดต่อขอรับการประเมินฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้ทางช่องทางออนไลน์