โรค MG คืออะไร ทำตาสองชั้นได้ไหม ก่อนทำควรรู้
icon  icon
โรค MG คืออะไ

โรค MG คืออะไร อาการเป็นอย่างไร ทำตาสองชั้นได้ไหม?

 โรค MG คือ อะไร ?

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง Myasthenia Gravis หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าโรค MG คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันบริเวณรอยต่อระหว่างปลายประสาทและกล้ามเนื้อ ส่งผลให้การนำสารสื่อประสาทลดลงและเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ โดยปกติแล้วสารสื่อประสาทที่ออกจากปลายประสาท จะถูกส่งต่อไปยังเซลล์ Receptor ของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดตัวคลายตัว แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรค MG ภูมิคุ้มกันร่างกายที่ผิดปกติจะสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งมายับยั้งสารสื่อประสาทไม่ให้ถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่ตอบสนอง อ่อนแรงลง จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย และมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 


อาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (MG)

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง MG มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักเริ่มที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาก่อน แล้วอาจลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ อาการมักจะเป็นมากขึ้นหลังจากใช้กล้ามเนื้อนั้น ๆ เป็นเวลานาน และดีขึ้นหลังจากได้พักผ่อน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ดวงตา  อาการหนังตาหย่อนหรือตกข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างจนตาแห้ง เป็นสัญญาณเตือนที่พบบ่อยที่สุด การมองเห็นอาจแย่ลง มีอาการตาพร่า มองเห็นเป็นภาพซ้อน โดยเฉพาะในช่วงเย็นหรือหลังใช้สายตานาน ๆ 
  • ความผิดปกติของสีหน้า การควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าบกพร่อง ทำให้แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าได้ไม่เป็นธรรมชาติ บางคนอาจยิ้มได้ไม่สมมาตร ริมฝีปากบิดเบี้ยว หรือดูเหมือนขาดการแสดงออกทางสีหน้า
  • ระบบทางเดินหายใจ อาการรุนแรงอาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจตื้น หรือหายใจลำบากแม้ในขณะพัก เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบพบแพทย์
  • การพูดและการเคี้ยวอาหาร กล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวและกลืนอาจอ่อนแรง ทำให้พูดไม่ชัด น้ำเสียงเปลี่ยน พูดได้สั้น ๆ กินอาหารได้ในปริมาณน้อย อาหารอาจติดคอหรือสำลักง่าย เสี่ยงต่อภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก
  • ลำคอ กล้ามเนื้อคอไม่สามารถรองรับน้ำหนักศีรษะได้ดี ทำให้หัวตก คอแข็ง ปวดต้นคอ หรือมีอาการล้าบริเวณไหล่และคอเมื่อต้องอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ
  • การเคลื่อนไหว เมื่ออาการรุนแรงขึ้น กล้ามเนื้อแขนและขาอาจอ่อนกำลัง โดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมซ้ำ ๆ เช่น หวีผม แปรงฟัน หรือเดินขึ้นบันได อาการมักดีขึ้นหลังพัก และแย่ลงเมื่อใช้งานต่อเนื่อง


ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงปกติ ต่างจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง MG อย่างไร ?



ทั้งสองภาวะนี้มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาการตาปรือ หนังตาตก เหมือนกัน โดยภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงปกตินั้นเกิดจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยกเปลือกตาทำงานได้น้อยลงหรืออ่อนแรงลง ทำให้รู้สึกลืมตาได้ยาก ตาปรือ ตาง่วงนอน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจากกรรมพันธุ์ จากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดหนังตาตกตามวัย หรือจากพฤติกรรม เช่น การใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน การขยี้ตาอย่างรุนแรง หรือการติดสติ๊กเกอร์ตาสองชั้นบ่อย ๆ เป็นต้น

ในขณะที่ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดจากโรค MG นั้น เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยจุดที่แตกต่างจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแบบปกติ คือ อาการตาปรือ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดจากโรค MG นั้น จะมีอาการแบบไม่สม่ำเสมอ เป็น ๆ หายๆ ระดับความรุนแรงหรือการปรือไม่คงที่ในระหว่างวัน ในบางราย ช่วงเช้าอาจมีอาการปกติ จะมีอาการตาปรือที่หนักขึ้นในช่วงบ่าย โดยที่อาการในแต่ละข้างนั้นอาจไม่เท่ากันก็ได้


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดจากสาเหตุอะไร

โรค MG เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน แม้ว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมร่างกายถึงเกิดการตอบสนองเช่นนี้ แต่มีหลายปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้อง ดังนี้


พันธุกรรม

แม้ว่าโรค MG ไม่ได้เป็นโรคทางพันธุกรรมโดยตรง แต่มีการพบว่าบางครอบครัวมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ การศึกษาพบว่ามีความเชื่อมโยงกับยีนบางชนิดที่มีหน้าที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะในระบบ HLA (Human Leukocyte Antigen) ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละเชื้อชาติ นอกจากนี้ ความผิดปกติของทารกในครรภ์ก็อาจได้รับการถ่ายทอดชั่วคราวจากมารดาที่เป็นโรค MG ได้ ทำให้ทารกมีอาการอ่อนแรงหลังคลอด แต่มักจะหายไปได้เองภายในไม่กี่เดือน


ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ

ผู้ที่มีโรค MG มักมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Graves' disease) โรคไทรอยด์อักเสบ (Hashimoto's thyroiditis) หรือโรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) เนื่องจากโรคเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติของต่อมไทมัสในผู้ป่วยโรค MG ประมาณ 10-15% มีเนื้องอกต่อมไทมัส (Thymoma) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด T-cell ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน


การติดเชื้อและการอักเสบ

การติดเชื้อหรือการอักเสบในร่างกายอาจทำให้โรค MG เกิดขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือปอดอักเสบ ซึ่งอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานมากเกินไป จนนำไปสู่การโจมตีตัวรับสารสื่อประสาทที่กล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ยาบางชนิด หรือการได้รับวัคซีนบางประเภท ก็อาจทำให้อาการของโรค MG กำเริบได้ ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคนี้จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ


การรักษาภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง MG 

ปัจจุบันการรักษาโรค MG มีหลากหลายวิธี โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นการบรรเทาอาการและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ ความรุนแรงของอาการ และตำแหน่งที่เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยมีวิธีการรักษาหลัก ๆ ดังนี้

  • การใช้ยากลุ่ม Cholinesterase Inhibitors เช่น ไพรโดสติกมิน (Pyridostigmine) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการระดับเบาถึงปานกลาง ยากลุ่มนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ หรืออาจรู้สึกอ่อนล้าหลังใช้ยา
  • ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น เพรดนิโซน (Prednisone) ใช้ในขนาดต่ำเพื่อลดการอักเสบและกดภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ แต่ต้องระวังผลข้างเคียง เช่น กระดูกบาง น้ำหนักเพิ่ม ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
  • ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ เช่น อะซาไธโอพรีน โคฟิโนเลต ไมโคฟีโนเลต ไซโคลสปอริน ไมโทแทรกเซท และทาโครลิมัส ทำหน้าที่ปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน แต่อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจกระทบต่อการทำงานของตับและไต จึงควรตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวัง
  • การฉีดยาริทูซิแมบ เป็นการฉีดยาชีวภาพเข้าทางเส้นเลือด ช่วยกำจัดเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด B-cell ที่ผลิตแอนติบอดีผิดปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
  • การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา เป็นกระบวนการกำจัดแอนติบอดีที่ผิดปกติออกจากเลือด ช่วยบรรเทาอาการได้อย่างรวดเร็ว แต่ผลการรักษาอยู่ได้ไม่นานและอาจมีผลข้างเคียง เช่น ความดันเลือดลดลง มีเลือดออก จึงเหมาะกับรายที่มีอาการรุนแรง หรือในภาวะวิกฤติเท่านั้น
  • การผ่าตัดต่อมไทมัส พิจารณาในรายที่มีเนื้องอกของต่อมไทมัส หรือบางรายที่มีอาการรุนแรงแม้ไม่พบเนื้องอก โดยพบว่าหลังผ่าตัดผู้ป่วยบางรายมีอาการดีขึ้นหรืออาการสงบ


โรค MG ทำตาสองชั้นได้ไหม 

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่เกิดจากโรค MG นั้นไม่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดตาสองชั้น เนื่องจากเมื่ออาการของโรค MG ดีขึ้น อาจทำให้เปลือกตาถูกยกรั้งขึ้นผิดปกติได้ ดังนั้น หากมีความต้องการที่จะผ่าตัดตาสองชั้น จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาภาวะของโรค MG ให้อยู่ในระดับคงที่ก่อน จึงจะสามารถผ่าตัดตาสองชั้นเพื่อแก้ปัญหาตาชั้นเดียวหรือตาลอยได้ 


สรุป

โรค MG เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ มักเริ่มด้วยอาการที่ดวงตาก่อน เช่น หนังตาตก มองเห็นภาพซ้อน การวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ควบคุมอาการได้ดี ซึ่งมีทั้งการรักษาด้วยยา การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา และการผ่าตัด แต่สำหรับผู้รักษาโรค MG แล้วสนใจทำตาสองชั้นสามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้หนังตาตก แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว จัดเรียงไขมันใต้ตา และกำจัดถุงใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาได้เลย 

ที่มา : Sky Clinic